ถ้าจะกล่าวถึง "ทหารพลร่ม" ที่มีชื่อเสียงและในประวัติศาสตร์การรบ "กองพลพลร่มที่ 101" (101st Airborne Division) เป็นหนึ่งในกองพลของกองทัพบกสหรัฐที่ผู้สนใจศึกษาประวัติศาสตร์สงครามอย่างเราๆ คงคุ้นหน้าคุ้นตามากที่สุด ทั้งจากมินิซีรีย์ Band of Brothers ซึ่งสร้างจากหนังสือในชื่อเดียวกัน และในสื่อภาพยนตร์หรือวิดีโอเกมต่างๆ ที่เราอาจคุ้นและเคยเล่นมาบ้างอย่างเช่น Brothers in Arms: Hell's Highway โดยมันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพสหรัฐและสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปเสียแล้ว แต่จุดกำเนิดของอินทรีโกญจนาทนั้น อาจแตกต่างไปจากที่เราหลายคนคุ้นเคย

ย้อนไปจุดกำเนิดของพญาอินทรีย้อนไปช่วงปี 1918 หรือช่วงปลายสุดของสงครามโลกครั้งที่ 1 กองทัพอเมริกันเพิ่มจำนวนทหารเป็นหลายเท่าตัวเพื่อรับมือกับสงครามในยุโรป ในปี 1914 กองทัพสหรัฐมีทหารประจำการเพียง 98,000 นายเท่านั้น แต่เมื่อสหรัฐกระโจนตัวเข้าสู่สงครามในปี 1917 การระดมพลได้เพิ่มเป็นเท่าตัว จากกองทัพประจำการเพียงหยิบมือกลับขยายตัวเป็นกองทัพขนาดใหญ่กว่า 4 ล้านนายในปี 1918 ซึ่ง 2 ล้านนายได้ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ในยุโรปตะวันตกในนามของ “กองกำลังรบนอกประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา” หรือ A.E.F(American Expeditionary Forces) ซึ่งผลที่ตามมาคือการจัดตั้งกองพลทหารราบใหม่ แค่ช่วงปี 1917-1918 กองพลทหารราบจำนวน 65 กองพลได้ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างสดๆร้อนๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกองพลหน้าใหม่ที่แต่งตั้งในรัฐมิสซิสซิปปี นั่นคือกองพล 101 (101st Division)
กองพล 101 ถูกวางโครงสร้างในวันที่ 2 พฤศจิกายน 1918 และได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 กรกฎาคม 1918 ในฐานะกองทัพแห่งชาติ (National Army) แต่นอกจากโครงสร้างภายนอก ก็อาจจะเรียกได้ว่ากองพล 101 ไม่มีอะไรที่สมประกอบเลย ทั้งอาวุธ กระสุนและยุทธภัณฑ์ที่มีค่าถูกส่งออกไปแจกจ่ายกับหน่วยทหารแนวหน้าทำให้หลายๆกองพลน้องใหม่อย่างกองพล 101 ขาดแคลนอุปกรณ์ในการฝึกซ้อมให้กับกำลังพล และกองพลที่ 101 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ไม่เคยเติมเต็มกำลังพลได้ครบตามโครงสร้างที่วางเอาไว้ เรียกได้ว่าเป็นกองพลที่ไม่มีทั้งบุคลากร ไม่มีทั้งอาวุธ และไม่มีทั้งผู้บังคับบัญชากองพล

กองพล 101 ถือว่าเป็นกองพลที่มาเร็วเคลมเร็ว เพราะหลังจากก่อตั้งได้ไม่นานหลังสงครามในยุโรปก็ยุติลง กองพลที่ 101 จึงถูกยุบในวันที่ 11 ธันวาคม 1918 ทั้งๆที่กองพลยังไม่เฉียดกับคำว่าพร้อมรบด้วยซ้ำ แต่เมื่อถึงช่วงปี 1921 กองพลที่ 101 ได้ถูกรื้อฟื้นอีกครั้ง โดยได้รับการสถาปนาใหม่ให้เป็น”กองพลทหารราบที่ 101” (101st Infantry Division) ที่เมืองมิลวอกี (Milwaukee) รัฐวิสคอนซิน (Wisconsin) ในวันที่ 10 กันยายน 1921ในฐานะทหารกองหนุนแห่งกองทัพบกสหรัฐ (United States Army Reserve) ซึ่งช่วงเวลานี้เอง ที่สมญานาม “อินทรีโกญจนาท” (Screaming Eagle) กลายเป็นนามเรียกขานกองพล 101 แบบที่เราคุ้นเคย โดยต้นกำเนิดของอินทรีโกญจนาทมาจากการระลึกถึงกรมทหารอาสาวิสคอนซินที่ 8 (8th Wisconsin Volunteer Infantry Regiment) ของฝ่ายสหภาพในช่วงสงครามกลางเมือง ซึ่งกรมนี้มีอินทรีหัวขาวนามว่า โอลด์ เอเบร์ (Old Abe) เป็นสัตว์นำโชคของกรมเลยทำให้พญาอินทรีได้กลายมาเป็นทั้งสมญานาม และตราประจำกองพลบนไหล่ด้านซ้ายของทหารทุกคนในกองพล 101 ไปด้วย กองพลทหารราบที่ 101 ประจำการในสหรัฐเพื่อเตรียมความพร้อมในฐานะกองหนุนอยู่นาน จนถึงปี 1940 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปและเอเชียแปซิฟิกกำลังคืบคลานเข้าใกล้สหรัฐมากทุกที กองทัพสหรัฐเล็งเห็นว่าหน่วยพลร่มควรเป็นหน่วยทหารที่พึงมีเพื่อรับมือกับสงครามยุคใหม่ เหตุนี้เองกองทัพสหรัฐเลยเพ่งหากองพลทหารราบที่จะกลายมาเป็นหน่วยรบทางอากาศสู่ภาคพื้นชุดแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐ ซึ่งกองพลที่ถูกเลือกคือกองพลทหารราบที่ 82 (82nd Infantry Division) และกองพลทหารราบที่ 101

จากอดีตทหารกองหนุน กองพลทหารราบที่ 101 ได้ถูกยุบอีกครั้งในวันที่ 15 สิงหาคม 1942 และถูกโอนย้ายเป็นกองทหารประจำการและสถาปนาชื่อใหม่อีกรอบเป็น “กองพลพลร่มที่ 101” (101st Airborne Division) ณ แคมป์ เคลบอร์น (Camp Claiborne ) รัฐลุยเซียนา ในวันที่ 16 สิงหาคม 1942 แบบที่เรารู้จักกันนั่นเอง (ในขณะที่กองพลทหารราบที่ 82 ถูกสถาปนาเป็นกองพลพลร่มที่ 82 (82nd Airborne Division) ไปตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมแล้ว ซึ่งกองพลพลร่มที่ 82 จัดว่าเป็นกองพลพลร่มกองพลแรกในหน้าประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐอเมริกา) โดยผู้บังคับบัญชาคนแรกของกองพลพลร่มที่ 101 คือพลตรีวิลเลียม ลี (William Lee) ซึ่งมาดำรงตำแหน่งในวันที่ 19 สิงหาคม 1942 พลตรีลีได้เอ่ยถึงกองพลพลร่มที่ 101 ไว้ว่า เป็นกองพลที่ไร้ซึ่งภูมิหลัง มีแค่เพียงการนัดพบกับชะตาฟ้าลิขิต ซึ่งคำว่านัดพบกับชะตาฟ้าลิขิต (Rendezvous With Destiny) ก็ได้กลายมาเป็นคติพจน์ของพลร่ม 101 จนถึงทุกวันนี้ (อย่าสับสนกับสมญานาม) ช่วงแรกของการสถาปนาเป็นหน่วยพลร่วม กองพลพลร่มที่ 101 ประกอบไปด้วยกรมทหารพลร่มที่ 502 (502nd Parachute Infantry Regiment) กรมทหารเครื่องร่อนที่ 327 ,401(327 th Glider Infantry Regiments ,401st Glider Infantry Regiments) กรมทหารพลร่มปืนใหญ่สนามที่ 377 (377th Parachute Field Artillery) กรมทหารเครื่องร่อนปืนใหญ่สนามที่ 321,907 (321st Glider Field Artillery ,907th Glider Field Artillery) กองพันทหารช่างพลร่มที่ 326 (326th Airborne Engineer Battalion)กองร้อยทหารสื่อสารที่ 101 (101st Signal Company) กองร้อยเสนารักษ์พลร่มที่ 326 (326th Airborne Medical Company) และกองร้อยพลาธิการพลร่มที่ 426 (426th Airborne Quartermaster Company)

กองพลพลร่มที่ 101 ที่สดใหม่ถูกโอนไปยังฟอร์ตเบนนิง (Fort Benning) จอร์เจียในเดือนตุลาคม 1942 เพื่อฝึกหลักสูตรพิเศษสำหรับพลร่มโดยเฉพาะ จนกระทั่งเดือนมิถุนายน 1943 กรมทหารพลร่มที่ 506 (506th Parachute Infantry Regiment) ได้มาสังกัดกับกองพลพลร่มที่ 101 ด้วยเช่นกัน กองพลพลร่มที่ 101 เป็นกองพลที่มีประวัติการก่อตั้งที่น่าจดจำไม่น้อยหน้ากองพลอื่นๆในกองทัพสหรัฐเลยทีเดียว จากลูกนกตัวน้อยที่ล้มลุกคลุคลานได้ผงาดเป็นพญาอินทรีอย่างภาคภูมิ นักรบ 101 ปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิอย่างกล้าหาญไม่ใช่เพียงแค่การเป็นส่วนหนึ่งของการยกพลในวันดีเดย์หรือปฏิบัติการมาร์เก็ต การ์เดนสงครามโลกครั้งที่ 2 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเวียดนาม อ่าวเปอร์เซียและสงครามต่อต้านการก่อการร้ายอีกด้วย ทุกวันนี้กองพลพลร่มที่ 101 ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเด็ดเดี่ยวในโซมาเลียในปี 2017 และภารกิจกวาดล้างกองทัพรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ในเขตภูมิภาคซีเรีย อิรักอีกด้วย


#แอดKNOX #WORLDWAR #DEFNETHISTORY
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
101st Airborne Division : https://en.wikipedia.org/wiki/101st_Airborne_Division?fbclid=IwAR2YK1ULIaHYpFBI2xacfwOW3tSXDSLwQUgbAiL8rFYmLBTNNgucTqMCuOo
History of the 101st Airborne Division : https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_the_101st_Airborne_Division?fbclid=IwAR2k77bWAtLsq41NqprHV5JbwikRtvwi7wA7AuJnoMOFkxk1LSzlG7M6rNw
The United States Army and the First World War : https://spartacus-educational.com/FWWusa.htm?fbclid=IwAR3zSvz84_HrcRIBJdT77psX1aW66SaHZe6A5VPnlPb6jin1we7looejfh8
List of formations of the United States Army during World War I : https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_formations_of_the_United_States_Army_during_World_War_I?fbclid=IwAR3I3yfSrGHiB3JV0QBgNxPwKs9tS5oTlZLVF7CEZgSQj6OP1jQnqGCrp4U