เครื่องบินขับไล่เเบบ F-15 Eagle นั้นถือว่าเป็นเครื่องบินที่เป็นกำลังรบหลักของกองทัพอากาศสหรัฐฯเเละปรเทศที่ประจำการเครื่องบินรุ่นดังกล่าวทั่วโลกตั้งเเต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมาอีกทั้งยังมีรุ่นโจมตีออกมาคือ F-15E Strike Eagle ซึ่งตามประวัติการรบของทั้ง 2 รุ่นเเล้วยังไม่มีลำใดรบเเพ้ในการต่อสู้เเบบอากาศสู่อากาศเลย(ยกเว้น F-15J ที่มีเคส Friendly Fire เเบบไม่ได้ตั้งใจ)

เเต่สำหรับคนที่เคยดูการ์ตูนเรื่อง Patlabor 2 หรือคนที่เป็นเเฟนเกมเครื่องบินรบซีรีย์ Ace Combat เเละ H.A.W.X นั้นจะเห็นว่ามี F-15 อยู่รุ่นหนึ่งที่เเปลกไม่เหมือนรุ่นที่เห็นทั่วไป โดย F-15 ในทั้ง 2 เรื่อง/เกมนนั้นจะมีการเพิ่มคานาร์ดตรงส่วนของช่องรับอากาศ (Intake) เเละท่อท้ายที่มีรูปร่างผิดมนุษย์จนหลายๆคนคงคิดว่ามันเป็นเครื่องที่เเฟนตาซีที่ไม่มีอยู่จริง

จริงอยูู่ที่ใน Patlabor 2 นั้นเป็น F-15 ที่เป็นดีไซน์เฉพาะเรื่องเเต่ในเเฟรนไชส์ Ace Combat นั้นเป็นเครื่องที่มีอยู่จริงนามว่า F-15 STOL/MTD (ในภาค 4 ใช้ชื่อ F-15 ACTIVE ,ภาคอื่นๆที่มีใช้ชื่อ F-15 S/MTD) เเละ F-15 ACTIVE ใน H.A.W.X

เรื่องราวของเจ้าเครื่องประหลาดเริ่มขึ้นในปี 1984 ศูนย์ปฏิบัติการพลศาสตร์การบินเเห่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ (Flight Dynamics Laboratory of the Air Force Aeronautical Systems Division) ได้ว่าจ้างบริษัท McDonell Douglas(ปัจจุบันโดน Boeing เทคโอเวอร์เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว) ในการพัฒนาอากาศยานที่สามารถออกบินเเละลงจอดบนพื้นรันเวย์ที่เปียกดหรือเสียหายจากระเบิดหรือภายใต้สภาพอากาศที่ไม่ดีเเละลมครอสวินด์ที่รุนเเรงได้

เครื่องบินที่ถูกเลือกมาเเละทดสอบในโครงการนี้คือเครื่องต้นเเบบ F-15B หรือ TF-15A หมายเลขเครื่อง 71-0290 ซึ่งเป็น F-15 สองที่นั่งลำเเรกเเละ F-15 ลำที่หกที่ผลิตออกมา

ทางด้านองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) นั้นได้ศึกษาเรื่องการนำระบบ Thrust Vectoring มาใช้กับ F-15 ตั้งเเต่กลางยุค 1970 เเล้ว เลยใช้เครื่องบินลำนี้เป็นตัวทดสอบให้กับระบบดังกล่าวรวมทั้งเพิ่มคานาร์ดไว้ที่ส่วนหน้าของเครื่องทำให้มันเป็น F-15 ลำเดียวมี่มีคานาร์ดเเละ 2D Thrust Vectoring เเละให้ชื่อเครื่องบินลำนี้ว่า F-15 Short Take Off and Landing/ Maneuver Technology Demonstrator หรือ F-15 STOL/MTD

เป้าหมายหลักของโครงการนี้คือสำรวจเเละพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงที่สามารถนำเครื่องขึ้นเเละลงในระยะสั้นซึ่งมีเทคโนโลยีสี่อย่างคือ
1.ท่อท้าย Thrust Vectoring เเบบ 2 มิติดังที่กล่าวไว้ข้างต้นเเละ Thrust Reverser ที่ใช้ในการเปลี่ยนทิศทางเเรงขับเพื่อลดระยะทางในการลงจอด 2.ระบบ Fly-by-wire เเละ ระบบควบคุมเเรงขับ หรือ IFPC 3.ฐานล้อสำหรับลงบนพื้นที่ขรุขระ 4.ปรับปรุงอินเตอร์เฟสของนักบินเเละตัวเครื่องให้มีขีดความสามารถในการลงจอดในเวลากลางคืนเพิ่มมากขึ้น กองทัพอากาศสหรัฐได้รับมอบ F-15 STOL/MTD ในปี 1988 เเละได้เริ่มทำการบินทดสอบภายในเดือนมกราคมปีถัดมา

เป้าหมายในการทดสอบเทคออฟนั้นคือการเพิ่มเปอร์เซนต์เทคออฟโรล 29% จาก F-15B เเต่ทว่าด้วยขุมพลังของ 2D Thrust Vectoring Nozzle ทำให้สามารถนำเครื่องขึ้นได้ภายในระยะทางเเค่ 900 ฟิต (ประมาณ 274.32 เมตร)หรือคิดเป็น 38% น้อยกว่าเครื่องรุ่นธรรมดา

ในการทดสอบลงจอดนั้น F-15 STOL/MTD สามารถลงจอดด้วยระยะทาง 1,370 ฟีต (ประมาณ 417.576 เมตร) คิดเป็นครึ่งหนี่งของ F-15 รุ่นทั่วไปในการลงจอดเวลากลางวัน
ในการทดสอบลงจอดเวลากลางคืนนั้นเครื่องบินลำนี้ได้ทำการเเสดงศักยภาพของเรดาห์เเบบ APG-70 เเละ กระเปาะชี้เป้าเเบบ LANTIRN โดยที่ไม่มี NAVAIDS เลย ซึ่งผลลัพท์คือทั้งเรดาห์เเละกระเปาะนั้นสามารถลดภาระของนักบินลงอย่างมากจนทำให้ทั้ง LANTIRN เเละ AN/APG-70 ได้ถูกนำไปใช้กับ F-15E Strike Eagle ในเวลาต่อมา ขณะทำการบินนั้น F-15 STOL/MTD ได้เเสดงสมรรถนะของท่อท้าย 2 มิติเเละ Thrust Reverser ซึ่งสามารถเพิ่มอัตราการลดความเร็วได้มากกว่ารุ่นทั่วไปถึง 39% ในความเร็ว 1.6 มัค

การทดสอบดำเนินการจนเเล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมปี 1991 ซึ่งเจ้าเครื่องสีฟ้าเเดงลำนี้ก็ได้เเสดงสมรรถนะของเทคโนโลยีทั้ง 4 เเบบได้อย่างสมบูรณ์เเบบถึงเเม้ 2D Thrust Vectoring Nozzle จะมีความซับซ้อนในการซ่อมบำรุงเเละดูเเลเเต่ว่าสามารถทำให้สมรรถนะเครื่องเพิ่มขึ้นมากกว่า F-15B รุ่นปกติ

<< TO BE CONTINUE.>>
ที่มา
https://sofrep.com/fightersweep/what-exactly-was-the-f-15-active-aircraft/
https://hushkit.net/2019/03/20/rare-eagles-unusual-f-15s-variants/
https://www.nasa.gov/centers/langley/pdf/70897main_PiF.pdf